スペシャル:audiolingual method กับ Minna no Nihongo

สวัสดีค่ะ ทุกๆคน วันนี้เราจะมาย้อนวัยสมัยที่เราพึ่งเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นกันใหม่ๆนะคะ คิดว่าหลายๆคนต้องเคยผ่านการเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยหนังสือMinna no Nihongoกันมาบ้าง เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
เราจำได้ว่าสมัยเรียนMinna no Nihongo อาจารย์ที่สอนพิเศษมักให้เราฝึกพูดบ่อยๆ แบบฝึกหัดเองก็เน้นพูดโดยการแทนศัพท์ในรูปประโยคต่างๆเพื่อเน้นความเข้าใจการใช้รูปประโยค วันนี้เรารู้แล้วค่ะว่าการสอนรูปแบบนั้นเรียกว่าอะไร
เราเรียกวิธีสอนแบบนั้นว่าการสอนแบบ audiolingual method ค่ะ (*´︶`*)
การสอนแบบ audiolingual method เป็นการสอนที่เน้นการฟังพูดค่ะ ลักษณะพื้นฐานของการสอนก็คือจะเริ่มต้นจากการสอนคำศัพท์และรูปประโยคโดยจะให้ฝึกใช้ซ้ำๆและเน้นการทำแบบฝึกหัดเพื่อฝึกฝนการใช้แกรมม่าและรูปประโยคค่ะ การสอนแนวนี้จะเน้นความถูกต้อง ผู้เรียนจะต้องเลียนแบบการออกเสียง การสร้างคำ ประโยค โดยการฝึกพูดซ้ำไปซ้ำมาค่ะ


เวลาอาจารย์สอนโดยใช้หนังสือMinna no Nihongo อาจารย์ก็จะเริ่มจากให้ฝึกพูดบทสนทนาที่มักจะอยู่หน้าแรกของบทก่อนหลังจากนั้นก็จะสอนคำศัพท์ให้เราและศึกษารูปประโยคก่อนที่จะเริ่มทำแบบฝึกหัดที่เน้นพูดตอบเวลาทำค่ะ
เรามาลองดูตัวอย่างแบบฝึกหัดในMinna no Nihongo กันนะคะ

例:ミラーさん・銀行員ーミラーさんは銀行員じゃありません。
1.山田さん・エンジニア
2.ワットさん・ドイツ人
3.タワポンさん・先生
4.シュミットさん・アメリカ人

จะเห็นได้จากโจทย์ที่ให้คำศัพท์มาเพื่อฝึกแทนคำตามประโยคตัวอย่าง ตอนที่เราเรียนอาจารย์ก็จะให้ทุกคนฝึกพูดโดยการเอาคำศัพท์เข้าไปแทนที่เพื่อฝึกวิธีการใช้รูปประโยคปฏิเสธじゃありませんค่ะ แบบฝึกหัดของMinna no Nihongoจะอยู่ในรูปแบบนี้เยอะมากๆ โจทย์จะให้ตัวอย่างประโยคมาแล้ว เราแค่เอาศัพท์ใหม่เข้าไปแทนเพื่อฝึกวิธีการใช้รูปประโยคนั้นโดยการพูดซ้ำๆ วิธีการนี้เองที่เรียกว่าการสอนแบบaudiolingual method ค่ะ

สำหรับเราที่ผ่านการเรียนด้วยวิธีนี้มาก็รู้สึกว่าการพูดซ้ำๆโดยการแทนคำศัพท์ก็ช่วยให้สังเกตเห็นวิธีการใช้รูปประโยคได้ง่ายขึ้นแล้วช่วยให้จำได้เหมือนกันนะคะ แต่เขาว่ากันว่าการเรียนด้วยวิธีการสอนแบบaudiolingual methodทำให้ผู้เรียนฝึกแต่รูปแบบที่ฝึกฝนมาจึงอาจทำให้นำไปใช้กับสถานการณ์จริงที่ต่างจากที่ฝึกฝนมาได้ไม่ดีนักค่ะ เพื่อนๆคิดว่ายังไงกันบ้างคะ (。☌ᴗ☌。)

สำหรับวันนี้ก็ขอฝากไว้เท่านี้ค่ะ ไว้เจอกันใหม่นะคะ (。>ω<)ノ

ความคิดเห็น

  1. เป็นวิธีสอนที่นิยมมาก (ในเมืองไทยด้วย) แบบฝึกหัดที่หนูยกมาเขาเรียกว่า パターンプラクティス (pattern practice)

    ตอบลบ
  2. อันนี้แอบเห็นด้วยเรื่องที่อาจจะเอาไปใช้ชีวิตจริงลำบากนิดนึง เพราะสถานการณ์ที่เราเจอมันไม่ได้เหมือนในหนังสือตลอด ถ้าเจอที่ต่างออกไป บางคนจะนึกไม่ออกว่าควรพูดตามในหนังสือมั้ย พอไม่ได้พูดตาม สมองก็ต้องคิดเยอะอีกว่าควรจะพูดยังไง แล้วก็จะสตั้นไปเลย(บางทีพี่เป็น 555)

    ตอบลบ
  3. เราว่าวิธีนี้มันยัง 効果的 กับการเรียนภาษาญี่ปุ่นชั้นต้นใน "ประเทศไทย" อะ คือส่วนมากเนี่ย เรียนเพื่อเบิกทางเข้ามหาวิทยาลัยกันทั้งนั้นเลย เรียนแบบนี้มันก็จำแม่นอยู่ แต่ในแง่ความ practical คือไม่ค่อยจริง ๆ นั่นแหละ เราเรียนญี่ปุ่นม.ปลาย 3 ปีคือพูดไม่ค่อยได้เพราะเรียนแบบนี้แหละ กว่าจะพูดได้ก็เข้าปี 1 ที่โดนทุบคาบคอนเวอร์หนัก ๆ 55555

    ตอบลบ
  4. สวัสดีค่า มาเยี่ยมบล็อกน้องครั้งแรก 5555 เราว่าวิธีการเรียนแบบนี้ มันมีประโยชน์ตรงที่มันทำให้เราจำได้เนอะ นึกปุ๊ปใช้ได้โดยอัตโนมัต แต่ก็อาจจะพูดได้ในกรณีที่พูดประโยคสั้น ๆ (คงไม่มีใครจำประโยคยาวไปเนอะ) ตอนที่ทำข้อสอบ จำแพทเทิร์นแล้วเอาไปตอบได้ แต่ตอนใช้จริงที่ต้องพูดประโยคยาวๆก็คงต้องสตั๊นไปแปบนึงว่าต้องพูดยังไง ถึงแม้มันจะมีข้อเสีย แต่มันคงเป็นวิธีสอนที่ทำให้เด็กเป็นเร็วที่สุดละ แต่เด็กจะใช้ได้ดีขึ้นมั้ยก็คงขึ้นอยู่กับเด็กด้วยว่าเด็กมีการทบทวนมั้ย (' v ')

    ตอบลบ
  5. จริงๆก็คิดว่าถ้ามีแต่ให้พูดตามรูปอย่างเดียว มันมีประโยชน์ตรงที่ทำให้จำได้เร็ว สมองผันรูปได้เร็ว แต่เลือกใช้ในสถานการณ์ต่างๆยากอยู่ดี แหะๆ จริงๆคิดว่าควรเพิ่มให้ผู้เรียนได้ลองฝึกพูดโดยสร้างสถานการณ์จำลองต่างๆให้ด้วยน่าจะเวิร์คขึ้นนะ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

授業3:敬語 การใช้ภาษาสุภาพ

APP JP LING วิชานี้เราต้องรอด!